ประวัติกิจการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

2011 2021
ประวัติกิจการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

2011
2021
ประวัติกิจการในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

  1. 2011
    2020
  2. 2021
    Future

ทำความเข้าใจ 10 ปีที่ผ่านมาของบริษัทโอบายาชิ
ผ่าน "นวัตกรรมทางเทคโนโลยี" "การดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG"
และ "การแก้ปัญหาทางสังคม"

2011 2020

การขยายธุรกิจสู่สาขาใหม่ๆ และการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG

การกำหนด "ปรัชญาพื้นฐานของโอบายาชิ"

ในเดือนมกราคม 2011 ซึ่งครบรอบ 120 ปีของการก่อตั้ง เราได้กำหนดและประกาศ "ปรัชญาพื้นฐานของโอบายาชิ" ขึ้น เพื่อสืบทอด DNA แห่ง "เทคโนโลยี" และ "ความซื่อตรง" ที่เรามีอยู่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา และเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทชั้นนำที่ "เป็นมิตรกับโลก" (ดูรายละเอียดได้ที่นี่) โดยเป็นการกำหนด "ปรัชญาองค์กร" (รูปแบบที่เราอยากเป็น) และกำหนด "บรรทัดฐานการปฏิบัติสำหรับองค์กร" (การปรับโครงสร้างใหม่สำหรับ "CSR ในมุมมองของโอบายาชิ" พร้อมทั้ง "แนวทางปฏิบัติ 5 ประการ") บนพื้นฐานของจิตวิญญาณที่เราเรียกว่า Sanshin หรือ "ดี คุ้มค่า และรวดเร็ว" ที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

Structure of Obayashi Basic Principles
Structure of Obayashi Basic Principles

การเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น และการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูหลังเกิดภัยพิบัติ

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 นอกจากความเสียหายที่เกิดจากแผ่นดินไหว ที่มีต่อบ้านเรือนและสิ่งอำนวยความสะดวก เป็นจำนวนมาก รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เช่น ทางรถไฟและถนนแล้ว คลื่นสึนามิที่ เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันได้ถล่มพื้นที่ตามแนวชายฝั่งแปซิฟิกเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ภูมิภาคโทโฮกุไปจนถึงภูมิภาคคันโต ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ในฐานะบริษัทก่อสร้างชั้นนำของญี่ปุ่น ทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหวเราได้เริ่มดำเนินการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน โดยใช้จุดแข็งของบริษัทก่อสร้างในการจัดหาบุคลากร สิ่งของ รวมทั้งการขนส่ง เพื่อบูรณะฟื้นฟูโรงงานผลิตและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะโดยเร็ว พร้อมกันนี้เรายังได้ดำเนินการกำจัดซากปรักหักพังจำนวนมากจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว กำจัดสิ่งปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี รวมทั้งฟื้นฟูเมืองด้วย

หลังจากนั้น ในญี่ปุ่นก็มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น แผ่นดินไหวในจังหวัดคุมาโมโตะ, ฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง ฯลฯ เราได้รับการว่าจ้างในงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเหล่านี้ และพยายามอย่างเต็มความสามารถในการบูรณะฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การส่งเสริมการกระจายฐานกำไร

เราได้เริ่มแผน 3 ปีที่เรียกว่า "แผนการบริหารระยะกลาง 2012" เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำกำไร ให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น วิกฤต Lehman Shock และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ฯลฯ ได้อย่างยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง นอกเหนือจากการเติบโตของธุรกิจหลักแล้ว บริษัทฯ ยังตัดสินใจที่จะส่งเสริม "การกระจายฐานกำไร" เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทฯ ด้วย

medium term business plan 2012

หลังจากนั้น ในเดือนตุลาคม 2014 ได้มีการจัดตั้ง สำนักงานใหญ่การพัฒนาธุรกิจด้านเทคโนโลยี ขึ้นใหม่ เพื่อเร่งพัฒนาธุรกิจด้านใหม่ๆ เช่น ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ฯลฯ โดยตั้งแต่เราเริ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในปีงบประมาณ 2012 จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2021 ในปัจจุบัน มีการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้า (พลังงานแสงอาทิตย์: 28 แห่ง 133 เมกะวัตต์, พลังงานลม: 1 แห่ง 6 เมกะวัตต์, พลังงานชีวมวล 1 แห่ง 15 เมกะวัตต์) ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่รองรับการใช้ไฟฟ้าต่อปีของประมาณ 70,000 ครัวเรือน (ประมาณ 154 เมกะวัตต์) ในญี่ปุ่น

Renewable energy generation over time
Renewable energy generation over time

ในเดือนเมษายน 2015 เราเริ่มดำเนินแผน 3 ปีฉบับใหม่ ที่เรียกว่า "แผนการบริหารระยะกลาง 2015 (Evolution 2015)" และเนื่องจากเราสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนการบริหารระยะกลางฉบับก่อนได้เกือบทั้งหมด เราจึงจะเดินในเส้นทางนี้ต่อไป พร้อมกันนี้เราก็จะทำให้ "ธุรกิจสาขาใหม่ๆ" เป็นเสาหลักที่ 4 ของเรา นอกเหนือจากการก่อสร้าง, วิศวกรรมโยธา และการพัฒนา เพื่อส่งเสริมการกระจายฐานกำไร

การส่งเสริมการควบรวมกิจการ (M&A) และการเติบโตของธุรกิจในเอเชียและอเมริกาเหนือ

ใน "แผนการบริหารระยะกลาง 2012" เราได้กำหนดให้ "การขยายธุรกิจเชิงกลยุทธ์ในต่างประเทศ" เป็นนโยบายเพื่อส่งเสริมการกระจายฐานกำไร พร้อมทั้งกำหนดให้ 3 ภูมิภาค ได้แก่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง รวมทั้งโอเชียเนีย เป็นภูมิภาคสำคัญ โดยเราได้พัฒนาธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ตามลักษณะของแต่ละภูมิภาค ด้วยการใช้องค์ความรู้ของบริษัทท้องถิ่น ผ่านการควบรวมกิจการ (M&A), กิจการร่วมค้า (Joint Venture หรือ JV) เป็นต้น

ในเดือนตุลาคม 2012 แผนกก่อสร้างของเราในสหรัฐอเมริกาได้ก่อตั้ง JS BUILDERS, LLC ขึ้น โดยเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างคอนโดมิเนียม Low-Rise และอาคารพาณิชย์ขนาดเล็กในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก ในส่วนของแผนกวิศวกรรมโยธา ในเดือนมีนาคม 2011 ก็ได้เข้าซื้อกิจการ KENAIDAN GROUP LTD. ของแคนาดา เพื่อเพิ่มโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ถัดมาในเดือนพฤศจิกายน 2014 เราได้ควบรวมกิจการ (M&A) ของ KRAEMER NORTH AMERICA, LLC ซึ่งมีความสามารถทางเทคนิคขั้นสูงด้านการก่อสร้างสะพาน การร่วมมือกับ WEBCOR, L.P. และ KENAIDAN GROUP LTD. ช่วยให้เราขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในอเมริกาเหนือได้

ในเดือนเมษายน 2019 สาขาต่างประเทศได้ถูกยกเลิกไป และมีการรวมสำนักงานในซานฟรานซิสโกและสำนักงานภูมิภาคอเมริกาเหนือเข้าด้วยกัน เพื่อก่อตั้ง "สาขาอเมริกาเหนือ" ขึ้นแทน โดยสาขาอเมริกาเหนือนี้จะรับผิดชอบการวางแผนเชิงกลยุทธ์ รวมทั้งการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจในอเมริกาเหนือทั้งหมด ในขณะเดียวกัน สำหรับภูมิภาคเอเชีย ก็มีการก่อตั้ง "สาขาเอเชีย" ขึ้นในสิงคโปร์

การส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG และการสร้างความเข้มแข็งของการบริหารธุรกิจสำหรับกลุ่มบริษัท

ในระหว่าง "แผนการบริหารระยะกลาง 2015" ผลประกอบการของกลุ่มโอบายาชิดีขึ้น สืบเนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดการก่อสร้างในประเทศและการปรับปรุงผลิตภาพที่ไซต์ก่อสร้าง ทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนการบริหารได้เกือบทั้งหมด โดยไม่ต้องรอจนถึงปีงบประมาณสุดท้าย ท่ามกลางความต้องการนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เร็วขึ้นกว่าเดิม กลุ่มบริษัทฯ จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาและขยายผลประกอบการที่ดีในปัจจุบัน พร้อมกันนี้เพื่อวางรากฐานสำหรับอนาคต เราได้ทำการกำหนด "แผนการบริหารระยะกลาง 2017" เร็วกว่ากำหนด 1 ปี และเพื่อให้กลุ่มโอบายาชิเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการผลักดันแผนการบริหารดังกล่าวนี้ เราจะเร่งกระบวนการโลกาภิวัตน์ ด้วยการเสริมสร้างกลยุทธ์ที่ไม่ใช่สำหรับบริษัทเราเพียงบริษัทเดียว แต่เป็นกลยุทธ์สำหรับบริษัทในกลุ่มโอบายาชิทั้งหมด พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากลและความสามารถในการบริหารจัดการของกลุ่มฯ ในส่วนของการผลักดันแผนการบริหารนี้ เรายังได้กำหนดนโยบายการดำเนินการตามหลัก ESG ให้เป็นกลยุทธ์สำหรับฐานการบริหารธุรกิจด้วย โดยได้เลือกประเด็นสำคัญ (Materiality) ของ ESG 6 ประเด็นจากประเด็นทางสังคมที่หลากหลาย

Medium-Term Business Plan 2017 Vision for the Future
Medium-Term Business Plan 2017 Vision for the Future

เราตั้งเป้าที่จะบรรลุ "การสร้างสังคมที่ยั่งยืน" และ "การเพิ่มคุณค่าองค์กรอย่างถาวร" สำหรับกลุ่มโอบายาชิ ตามที่ระบุไว้ในปรัชญาองค์กรของบริษัทฯ ด้วยการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจที่เชื่อมโยงกับ SDGs

Realizing Our Vision for the Future
Realizing Our Vision for the Future

การกำหนด "Obayashi Sustainability Vision 2050"

เพื่อการดำเนินการลดภาระด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เราได้กำหนด "Obayashi Green Vision 2050" ขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 และได้สร้างแผนปฏิบัติการ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่คำนึงถึง "ภาพสังคมในอุดมคติแห่งปี 2050" พร้อมกันนี้ก็ได้ กำหนดเป้าหมายเชิงตัวเลขสำหรับการลดการปล่อย CO2 ไว้ด้วย

ในเดือนมิถุนายน 2019 "Obayashi Green Vision 2050" ได้รับการพัฒนาและแก้ไขให้เป็นวิสัยทัศน์ระยะยาวที่เรียกว่า "Obayashi Sustainability Vision 2050" เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความสำคัญของ ESG ในฐานะรากฐานการบริหารธุรกิจ และการมีส่วนร่วมของเราในการบรรลุ SDGs ซึ่งเป็นประเด็นทางสังคม เป็นต้น เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนผ่านการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของ 3 สิ่ง ซึ่งก็คือ "โลก สังคม และผู้คน" เรากำลังดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 3 ประการ ซึ่งเราได้กำหนดไว้สำหรับปี 2040-2050 ได้แก่ "การใช้พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิด CO2" ซึ่งเป็นการมุ่งสู่การปล่อย CO2 ที่เป็นศูนย์สำหรับกลุ่มโอบายาชิทั้งหมด, "การนำเสนอพื้นที่และการบริการที่มีคุณค่า" เพื่อสร้างสังคมที่มีความสุขสำหรับทุกคน และ "การร่วมสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน" ให้เป็นจริงขึ้นมาสำหรับผู้คนที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ

Obayashi Sustainability Vision 2050
Obayashi Sustainability Vision 2050

ยกตัวอย่างเช่น ในการก่อสร้างอาคาร เราพยายามมุ่งสู่ "สถาปัตยกรรมที่อยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม" เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย ด้วยการใช้มาตรการต่างๆ อย่างจริงจัง เช่น การประหยัดพลังงาน, การใช้พลังงานหมุนเวียน, การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่, การลดของเสียและขยะ เป็นต้น กรณีตัวอย่างสำหรับความพยายามดังกล่าวนี้ ได้แก่ Techno-Station ซึ่งเป็นอาคารหลักของ Obayashi Corporation Technology Research Institute และสถานที่ฝึกอบรมของบริษัทเราในเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างและมีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2022

ภาพจำลองเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ของสถานที่ฝึกอบรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (มีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2022 เป็นอาคารที่สร้างโดยใช้ไม้เท่านั้น ทนไฟ และไม่สั่นสะเทือนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว)
ภาพจำลองเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ของสถานที่ฝึกอบรม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง (มีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2022 เป็นอาคารที่สร้างโดยใช้ไม้เท่านั้น ทนไฟ และไม่สั่นสะเทือนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว)

การปฏิรูปโครงสร้างการบริหารธุรกิจ และการปรับระบบควบคุมดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่

ตั้งแต่ปี 2006 ถึงปี 2007 บริษัทฯ ได้กระทำการละเมิดกฎหมายและข้อบังคับ เช่น การกระทำผิดฐานขัดขวางการแข่งขันการประกวดราคาประมูล และการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในโครงการก่อสร้างสาธารณะต่างๆ หลังจากพิจารณาตนเองในความผิดพลาดเหล่านี้ เราได้จัดทำและประกาศ "โครงการจริยธรรมองค์กร" และ "โครงการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาด" ขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีการฮั้วประมูลขึ้นอีก ตั้งแต่นั้นมา ทั้งบริษัทก็พยายามปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 ได้มีการฮั้วประมูลอีกครั้งในโครงการก่อสร้างรถไฟ Linear Chuo Shinkansen

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริษัทฯ จึงทำการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารธุรกิจ รวมถึงตำแหน่งประธานบริษัท ในเดือนมีนาคม 2018 โดยคุณเคนจิ ฮาซูวะ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทคนใหม่ นอกจากนี้ ภายใต้ระบบใหม่นี้ได้มีการปรับระบบควบคุมดูแลการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ใหม่ และในเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน มีการแก้ไข "โครงการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาด" และเพิ่มมาตรการใหม่เข้าไปเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ เช่น "การเพิ่มความเข้มงวดให้กับกฎระเบียบว่าด้วยการติดต่อกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน", "การสร้างความเข้าใจอย่างจริงจังเกี่ยวกับกฎหมายป้องกันการผูกขาด", "การกำจัดปัจจัยทางจิตวิทยาที่จะนำไปสู่การละเมิดหรือมองข้ามการละเมิด" และ "การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสอดส่องดูแล" เป็นต้น

เพื่อให้ได้ความไว้วางใจกลับคืนมา เราได้สื่อสารทุกครั้งที่มีโอกาส เกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานบริษัทซึ่งอยู่ระดับสูงสุดของฝ่ายบริหารว่า "เราจะไม่ยอมรับการได้โครงการหรือผลกำไร จากการทุจริตหรือจากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ" และ "เราจะไม่แลกเปลี่ยนข้อมูลใดๆ เช่น ความต้องการที่จะได้โครงการหรือไม่ ฯลฯ กับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งอาจจะเป็นคู่แข่งของเราในการประมูลโครงการ" ในขณะเดียวกัน เราก็ได้ผลักดันอย่างจริงจังเกี่ยวกับจุดยืนของเรา เรื่องการให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในทุกๆ ด้านของการดำเนินธุรกิจด้วย

การพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต

เรากำลังพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต ที่ไม่ยึดติดกับกรอบของผู้รับเหมาทั่วไป และมีเป้าหมายที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมใหม่ๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการในเวลาหรือยุคสมัยนั้นๆ โดยธุรกิจสาขาที่จะสร้างโซลูชั่นที่จำเป็นสำหรับอนาคต ได้แก่ "อวกาศ" "ชีวภาพ" "พลังงาน" "การขนส่ง" และ "การก่อสร้าง" ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา

ในด้านการก่อสร้าง เราใช้เทคโนโลยี ICT และเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ในการพัฒนาวัสดุสำหรับสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้างและกระบวนการผลิตใหม่ๆ ในด้านการขนส่ง ในปี 2019 เราเริ่มสาธิตการใช้ "โดรนขนส่งสินค้า" สำหรับการขนส่งของหนักในสถานที่ก่อสร้าง ในด้านอวกาศ ในปี 2019 แผนกพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตของบริษัทโอบายาชิ และ Chiba Institute of Technology ฯลฯ ได้ร่วมกันทำการทดลองปล่อยจรวดจากฐานปล่อยจรวดในทะเล และในปี 2020 เราทำการทดลองในสภาพแวดล้อมในอวกาศเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำสายเคเบิล ซึ่งจำเป็นสำหรับแนวคิดการก่อสร้างลิฟต์อวกาศ

กระแสโลกาภิวัตน์และการฝึกอบรมบุคลากรท้องถิ่น

อุตสาหกรรมการก่อสร้าง เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวพันกับท้องถิ่นซึ่งทำธุรกิจอยู่เป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ การสร้างเครือข่ายที่มั่นคงกับบริษัทพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ, เจ้าของโครงการ, ผู้ออกแบบ, บริษัทคู่ค้า, พนักงานในท้องถิ่น ฯลฯ จึงเป็นปัจจัยตัดสินความสำเร็จของธุรกิจในท้องถิ่นนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจก่อสร้างในต่างประเทศ เรามุ่งหวังที่จะพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น (พนักงานที่ได้รับการจ้างงานในพื้นที่) ซึ่งจะกลายเป็นผู้มีคุณสมบัติสำหรับตำแหน่งผู้บริหารในอนาคต นอกจากนี้ สำหรับนิติบุคคลท้องถิ่นของเราในต่างประเทศ เราได้ส่งเสริมการปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริหารให้เป็นแบบท้องถิ่น และเนื่องจากเป้าหมายของเราคือการสร้างโมเดลธุรกิจที่เราสามารถทำธุรกิจในฐานะบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทท้องถิ่นได้ ดังนั้นไม่เพียงแต่พนักงานชาวญี่ปุ่นที่ประจำการในต่างประเทศเท่านั้น การฝึกอบรมบุคลากรของนิติบุคคลท้องถิ่น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ ที่บริษัทลูกในต่างประเทศของกลุ่มโอบายาชิ จึงมีการเลือกพนักงานที่อายุยังน้อยหลายคนจากแต่ละบริษัททุกๆ ปี เพื่อส่งไปญี่ปุ่นเป็นระยะเวลา 1-3 ปี หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกอบรมภาษาญี่ปุ่นในพื้นที่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรท้องถิ่นได้เรียนรู้เทคนิคการก่อสร้างของญี่ปุ่น รวมทั้งได้สร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ และเนื่องจากผู้ผ่านการฝึกอบรมดังกล่าวมักจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารที่บริษัทลูกของเราในภายหลัง การฝึกอบรมจึงเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับบุคลากรท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

การฝึกอบรมที่ประเทศญี่ปุ่นของบุคลากรท้องถิ่น
การฝึกอบรมที่ประเทศญี่ปุ่นของบุคลากรท้องถิ่น
2021 Future

ก้าวต่อไปของ "การสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ"

130 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง
และการกำหนดวิสัยทัศน์ของแบรนด์

บริษัทของเราถือกำเนิดขึ้นที่โอซาก้า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 1892 ในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธา ภายใต้ชื่อ "ร้านโอบายาชิ" โดยมีจิตวิญญาณของ "การสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ" อย่างซื่อตรง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสังคมอย่างจริงใจไม่ว่ากาลเวลาหรือยุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ได้รับการสืบทอดต่อกันมา

ในเดือนมกราคม 2021 ซึ่งครบรอบ 130 ปีของการก่อตั้ง เราประกาศให้ภายนอกบริษัททราบเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ที่เรียกว่า "MAKE BEYOND Transcending the art and science of making of things" ซึ่งเป็นดั่งคำมั่นสัญญาที่เราให้ไว้กับลูกค้าและสังคม เกี่ยวกับทิศทางที่กลุ่มโอบายาชิจะมุ่งหน้าไป โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้รับความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจจากภายนอกบริษัท รวมทั้งความคาดหวังสำหรับอนาคต วิสัยทัศน์นี้ตอกย้ำถึงความสำคัญของกลุ่มโอบายาชิ ซึ่งตั้งแต่ก่อตั้งก็ได้ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมและมีส่วนช่วยพัฒนาสังคมมาโดยตลอด ทั้งยังเป็นการแสดงความมุ่งมั่นของเราในฐานะผู้บุกเบิก ผ่าน "การสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ" อีกด้วย

MAKE BEYOND
MAKE BEYOND

ความท้าทายสำหรับกลุ่มโอบายาชิ

ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2018 เราได้สร้างผลกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สิ้นปีงบประมาณ 2019 โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานของเราในปีงบประมาณ 2020 ลดลงอย่างมาก

สำหรับความพยายามของเราในการปรับปรุงผลิตภาพให้สูงขึ้น, การใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ในแนวนอน (การนำเทคโนโลยีไปใช้ในสถานที่อื่น) และการขยายธุรกิจสู่สาขาใหม่ๆ ฯลฯ อาจกล่าวได้ว่าเราเดินมาครึ่งทางแล้ว อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งการเกิดขึ้นของ DX (Digital Transformation หรือ การนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจ ขั้นตอนการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กร) ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ดังนั้นการตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน สำหรับกลุ่มโอบายาชิแล้ว ในช่วง 10 ปี ต่อจากนี้ จะเป็นช่วงเวลาที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับภารกิจทางสังคมของเรา ซึ่งถ้าหากแต่ละบริษัทในกลุ่มฯ ไม่ปฏิบัติตามภารกิจในฐานะ "One Team" และไม่เผชิญหน้ากับความท้าทาย เราก็จะไม่สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนได้

เมื่อมองไปในอนาคต การแก้ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบันทีละอย่าง ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีการบรรลุวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่เรียกว่า "การบุกเบิกสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ"

กลุ่มโอบายาชิ กำลังมุ่งสู่ "ก้าวต่อไปของ ‘การสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพ’" เพื่อทำให้ "ภาพอนาคตที่เราใฝ่ฝัน" เป็นจริงขึ้นมา

แก้ไขในปี 2015 เมื่อสำนักงานกำกับดูแลบริการทางการเงินของญี่ปุ่นและตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้กำหนดหลักการกํากับดูแลกิจการที่ดี

ถูกกำหนดให้เป็น ”ดี รวดเร็ว และคุ้มค่า” เมื่อครั้งที่มีการแก้ไขปรัชญาพื้นฐานของโอบายาชิ แต่เปลี่ยนกลับไปเป็น ”ดี คุ้มค่า และรวดเร็ว” ในเดือนมีนาคม 2018

ในเดือนเมษายน 2021 มีการจัดองค์กรใหม่สำหรับสำนักงานใหญ่การพัฒนาธุรกิจด้านเทคโนโลยี และจัดตั้ง "สำนักงานใหญ่ด้านพลังงานสีเขียว" ขึ้นแทน เพื่อหลอมรวมเทคโนโลยีและองค์ความรู้จากทั้งกลุ่มบริษัทฯ เข้าด้วยกัน พร้อมทั้งผลักดันการสร้างโซลูชั่นด้านพลังงานให้กับลูกค้า

แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินศักยภาพในการเติบโตของบริษัทเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจลงทุน โดยนอกเหนือจากการประเมินที่เน้นข้อมูลทางการเงิน เช่น ผลประกอบการแล้ว ยังให้ความสำคัญกับด้านที่ไม่ใช่การเงินของบริษัทด้วย (สิ่งแวดล้อม: Environment, สังคม: Social, การกํากับดูแลกิจการที่ดี: Governance)

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs : Sustainable Development Goals) จัดทำขึ้นหลังจากเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs : Millennium Development Goals) ซึ่งถูกกำหนดในปี 2001 ได้สิ้นสุดลง เป็นเป้าหมายระดับนานาชาติเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนและดีขึ้นภายในปี 2030 โดยถูกระบุไว้ใน "วาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" ซึ่งได้รับการเลือก ณ การประชุมสุดยอดแห่งสหประชาชาติในเดือนกันยายน 2015 SDGs ประกอบด้วย 17 เป้าหมาย และ 169 เป้าประสงค์ และเป็นการให้คำมั่นว่าจะ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (leave no one behind)" บนโลก

เป้าหมายเชิงตัวเลขสำหรับการลดการปล่อย CO2 (เทียบกับปี 1990)

  1. แผนปฏิบัติการที่เรามีส่วนร่วมโดยตรง (การใช้คาร์บอนต่ำสำหรับอาคารของบริษัทเราเอง, การก่อสร้างแบบคาร์บอนต่ำ ฯลฯ)
    ▲ 70% ภายในปี 2020 / ▲ 80% ภายในปี 2050
  2. แผนปฏิบัติการที่เรามีส่วนร่วมทางอ้อม (การพัฒนา/เผยแพร่ เทคโนโลยีและวัสดุคาร์บอนต่ำ, การเสนอแนะ/การออกแบบ การก่อสร้างที่ประหยัดพลังงาน)
    ▲ 30% ภายในปี 2020 / ▲ 50% ภายในปี 2050

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs : Sustainable Development Goals) จัดทำขึ้นหลังจากเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs : Millennium Development Goals) ซึ่งถูกกำหนดในปี 2001 ได้สิ้นสุดลง เป็นเป้าหมายระดับนานาชาติเพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนและดีขึ้นภายในปี 2030 โดยถูกระบุไว้ใน "วาระ 2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" ซึ่งได้รับการเลือก ณ การประชุมสุดยอดแห่งสหประชาชาติในเดือนกันยายน 2015 SDGs ประกอบด้วย 17 เป้าหมาย และ 169 เป้าประสงค์ และเป็นการให้คำมั่นว่าจะ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (leave no one behind)" บนโลก

เส้นทางสำหรับรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็นระหว่างโตเกียวและโอซาก้า ซึ่งได้รับการพัฒนาตามพระราชบัญญัติการพัฒนารถไฟชินคันเซ็นแห่งชาติ เป็นการนำรถไฟขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์แนวราบ (Linear Motor) ซึ่งเป็นระบบรถไฟที่ขับเคลื่อนด้วยการยกตัวของแม่เหล็กไฟฟ้า มาใช้เป็นครั้งแรก สำหรับรถไฟความเร็วสูงชินคันเซ็น มีความเร็วออกแบบสูงสุดที่ 505 กม. / ชม. จากการทดลองคำนวณ จะสามารถวิ่งจากสถานีชินางาว่าซึ่งเป็นสถานี ต้นทาง ถึงสถานีนาโกย่า ด้วยเวลาเร็วที่สุด 40 นาที และจากสถานีชินางาว่าถึงสถานีชินโอซาก้าซึ่งเป็นสถานีปลายทาง ด้วยเวลาเร็วที่สุด 67 นาที

ใช้นิ้วขยายซูมรูป